6,290 บาท
ราคาปกติ 9,990 บาท,
ประหยัดทันที 37%
ราคาโปรโมชั่นสามารถใช้ได้กับ 29/9/2017
Up to 10 months, as low as 629 บาท per month.
Up to 3 months, as low as 2,097 บาท per month.
ข้อมูลจำเพาะของ Samsung LED TV 32 นิ้ว รุ่น UA32J4003
รายการสินค้าในกล่อง
- Samsung LED TV 32 นิ้ว รุ่น UA32J4003
- รีโมทคอนโทรล
คุณสมบัติทั่วไป
Buy nowBuy nowSKU | SA861ELAU0DKANTH-1361099 |
Display Size (inches) | 32.0 |
ระยะเวลาตอบสนอง | 5 นาที - 10 นาที |
Smart TV | ไม่ใช่ |
Curved TV | No |
การเชื่อมต่อ | USB 2.0 |
Mounting Type | แบบติดโต๊ะ |
Technology | LED |
Warranty type | มีการรับประกัน |
Size (cm) | 74.5 x 6.9 x 44.3 |
จำนวนของพอร์ต USB | 1 |
Warranty period | 1 ปี |
3D TV | No |
โมเดล | UA32J4003AKXXT |
วิธีแก้ปัญหา | HD |
จำนวนของพอร์ต HDMI | 1 |
Weight (kg) | 3.7 |
คุณสมบัติด้านการแสดงผล | HD |
ซีเนม่า 3D | ใช่ |
สี | Black |
ขนาดหน้าจอ | 32.0 |
หลักการเลือกซื้อทีวี
โทรทัศน์ เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จากทีวีจอขาวตำในอดีต มาเป็นจอสี จอแบน และปัจจุบันยังมีทีวีจอโค้งด้วย ทั้งยังมีหน้าจอทีวีอีกหลากหลายประเภท เช่น LCD TV, LED TV, Plasma TV เป็นต้น ซึ่งแต่ละประเภทก็มีจุดเด่นจุดด้อยและประโยชน์ในการใช้งานแตกต่างกันไป ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ใช้งานที่ต้องค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการเลือกซื้อทีวี ก่อนที่จะไปซื้อจริงๆ เพื่อให้ได้ทีวีที่ตรงตามความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด หลักการสำคัญของการเลือกซื้อทีวีมีดังนี้
1. พิจารณาประเภทของหน้าจอทีวี
ปัจจุบันมีหน้าจอทีวีมากมายหลายแบบ แต่ละแบบมีความแตกต่างกันไป ผู้ใช้จึงควรทราบลักษณะเบื้องต้น เพื่อใช้เป็นหลักในการเลือกซื้อทีวี ดังนี้
- จอ LCD เป็นเทคโนโลยีรุ่นแรกๆ สำหรับทีวีจอแบน ให้ภาพที่คมชัด แต่ปัจจุบันไม่ค่อยเป้นที่นิยมแล้ว เนื่องจากการมาของจอ LCD
- จอ LED เป็นเทคโนโลยีหน้าจอทีวีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน พัฒนาต่อยอดมาจากหน้าจอแบบ LCD แต่ให้ภาที่คมชัดและกินไฟน้อยกว่าแบบ LCD
- EDGE LED จะวางหลอด LED ไว้ที่ขอบทั้ง 4 ด้านของหน้าจอ แต่มีข้อจำกัดด้านการแสดงสีสัน แม้ว่าจะกินไฟน้อยและทำให้ตัวเครื่องบางลงก็ตาม
- Full LED มีการจัดวางหลอด LED ไว้เต็มแผงหน้าจอ ส่งผลให้ภามีความคมชัดสมจริงมากกว่าหน้าจอแบบ EDGE LED
- RGB LED ภาพและสีสันที่ปรากฏมีความคมชัดและดูมีมิติอย่างมาก เนื่องจากผู้ผลิตจัดวางหลอด LED 3 สี คือ RGB (แดง, เขียว และน้ำเงิน) ไว้เต็มแผงหน้าจอ ผสานกับเทคโนโลยี Local dimming ทำให้การแสงดผลเด่นชัดมีประสิทธิภาพ แต่ราคาค่อนข้างสูง
- Plasma TV เม็ดพิกเซลที่สามารถให้กำเนิดแสงได้เองด้วยแรงดันไฟฟ้า ให้สีสันที่เป็นธรรมชาติ ใน่สวนของสีดำก็จะเป็นสีดำสนิท รวมทั้งแสดงภาพเคลื่อนไหวได้ดีเช่นกัน แต่หน้าจอพลาสม่านี้กินไฟค่อนข้างมาก และกระจกยังมักสะท้อนแสงด้วย ทำให้คุณภาพของภาพที่ปรากฏลดน้อยลงไป
- OLED TV (Organic Light Emitting Diodes) เม็ดพิกเซลสามารถให้กำเนิดแสงได้เอง ทั้งหน้าจอยังความบางและยืดหยุ่น จึงทำให้สามารถพัฒนาหน้าจอให้มีความโค้งได้ นอกจากนั้นยังกินไฟน้อย ที่สำคัญแสดงสีสันของภาพได้สม่ำเสมอ
2. พิจารณาความละเอียดของจอภาพ
อย่างที่ทราบกันดีว่าโทรทัศน์รุ่นใหม่ๆ มีความคมชัดเป็นจุดเด่นสำคัญ ซึ่งความคมชัดก็มีหลายระดับจจนบางครั้งก็สร้างความงุนงงให้แก่ผู้ใช้ได้ไม่น้อย ข้อมมูลลด้านความคมชัดจึงเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ต้องใส่ใจ โดยระดับของความคมชัด มีดังนี้
- HD (High Definition) มีความละเอียดอยู่ที่ 1,024 x 768 พิกเซล
- Full HD มีความละเอียดอยู่ที่ 1,920 x 1,080 พิกเซล เป็นความละเอียดที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน สามารถรับชมภาพได้อย่างคมชัด
- Ultra HD และ 4K มีความละเอียดอยู่ที่ 3,840 x 2,160 พิกเซล มีความคมชัดมากกว่าแบบ Fill HD ถึง 4 เท่า จึงสามารถรับชมภาพได้อย่างคมชัดเสมือนจริง แต่ทีวีแบบนี้ราคาค่อนข้างสูง
3. พิจารณาลักษณะของหน้าจอระหว่างจอโค้งกับจอแบน
หลังจากที่โทรทัศน์จอแบนได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานจำนวนมาก เนื่องจากความคมชัดของภาพและเสียง ตลอดจนสามารถจัดวางได้อย่างประหยัดพื้นที่ ต่อมาเทคโนโลยีหน้าจอได้รับการพัฒนาไปอีกกลายเป็นจอโค้ง ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ทั้งทีวีจอแบนและทีวีจอโค้งให้ภาพที่ไม่ต่างกันมากนัก แต่ทีวีจอโค้งนั้น ภาพที่ปรากฏจะทำมุมพอีกับสายตาของผู้ชมมากกว่า ทำให้สามารถเห็นภาพได้ชัดเจนสมจริงและไม่มีการสะท้อนของแสง แต่ทีวีจอโค้งมักมีราคาที่ค่อนข้างสูง
4. พิจารณาขนาดจอภาพให้เหมาะสม
ขนาดของหน้าจอโทรทัศน์ที่เหมาะสม คำนวณได้จากการนำระยะห่างระหว่างตำแหน่งที่นั่งดูไปจนถึงจอภาพ คูณด้วย 0.535 แล้วปัดเศษ จากนั้นเมื่อไปเลือกซื้อจอภาพที่มีขนาดใกล้เคียงที่สุด เช่น หากตำแหน่งที่นั่งดูห่างจากใบหน้า 80 นิ้ว หรือ 2 เมตร ขนาดของจอภาพที่เหมาะสมที่สุดคือ 42 นิ้ว (80 x 0.535 = 42.8) เป็นต้น
นอกจากหลักการทั้งหมดดังที่กล่าวมาแล้ว การเลือกซื้อทีวียังควรคำนึงถึงปัจจัยอื่นเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงบประมาณที่มี บริการหลังการขาย การรับประกันสินค้า ตลอดจนอาจต้องพิจารณาทีวีที่รองรับระบบทีวีดิจิตอลด้วย เพราะปัจจุบันระบบการออกอากาศของประเทศไทยกำลังเปลี่ยนเป็นแบบดิจิตอลทั้งหมดแล้ว ทั้งนี้เพื่อความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป